MR ความหวังกำลังใจ
เพื่อร่วมกันแบ่งปันความหวังและกำลังใจให้แก่กันและกันในทางเดินของชีวิตของแต่ละคน
หน้าเว็บ
หน้าแรก
วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555
เจ้านายกับลูกน้อง
มีเพื่อนใน Facebook ถามผมในทำนองว่าเมื่อไม่ชอบใจ หรือรู้สึกไม่ดีต่อหัวหน้างานจะทำอย่างไร คำถามนี้ผมคิดว่าหลายท่านคงมีประสบการณ์กันไม่มากก็น้อยขึ้นกับว่าเราเปลี่ยนงานบ่อยแค่ไหน การเปลี่ยนงานซึ้งเกิดจากการขัดแย้ง หลายครั้งเราอาจแก้ปัญหาของความรู้สึกที่ไม่ดีต่อหัวหน้าด้วยการลาออก เมื่อพบหัวหน้าที่ไม่ชอบอีกก็ลาออก ลาออก ลาออก ผมคิดว่าเราควรหันเข้าหาหลักความจริงข้อหนึ่งครับนั่นคือ
เราสามารถเลือกงานได้ แต่เราเลือกหัวหน้าไม่ได้ครับ
หัวหน้าที่เราพบอาจมีคุณลักษณะที่ไม่ต้องตาต้องใจเรา แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าเค้าจะไม่มีส่วนดี สิ่งสำคัญลองหาส่วนที่ดีเค้าครับว่ามีอะไรบ้าง เพราะการที่เราจะทำงานร่วมกันนั้นสิ่งสำคัญคือถ้อยทีถ้อยอาศัยกันครับ หนักนิดเบาหน่อยอาจต้องให้อภัยกัน ในฐานะ
ผู้ปฏิบัติเราก็ต้องมาดูว่าอะไรคือบทบาทหน้าที่ ที่เราต้องทำแล้วเราทำได้ดีหรือไม่ ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าตัวเราได้ทำหน้าที่ของเราได้ดีแล้ว เราก็ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะความดีที่เราได้ทำไว้จะเป็นเกราะที่ป้องกันสิ่งไม่ดีต่างๆ
แม้หัวหน้าที่เป็นสายตรงของเราไม่ค่อยสนับสนุนด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม แต่คนภายนอก คนรอบข้างย่อมรู้ ย่อมเห็นในความดีที่เราได้ทำไว้สิ่งที่ผมกล่าวมานี้มิใช่ว่าจะสนับสนุนหัวหน้าที่ไม่ดีกับลูกน้องน่ะครับ ผมก็ต่อต้านเหมือนกัน แต่ทว่าเราต้องสำรวจตนเองก่อนครับว่าถ้าเราทำอย่างนั้นผลจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าในระบบเอกชนอาจสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ระบบราชการผมคิดว่ายากครับ ผมจึงอยากบอกว่า
อย่าให้อคติหรือความเป็นตัวเรามาบดบังความจริงที่เกิดขึ้น เพราะยิ่งเราไม่ชอบหัวหน้างาน แล้วยังทำงานของเราไม่เต็มที่คนที่ลำบากอาจต้องเป็นตัวเรา
ครับ
ดังนั้นรับผิดชอบงานของเราให้ดีที่สุด ถ้าเป็นไปได้ลองพูดคุยแล้วลองสังเกตว่ามีช่องทางไหนบ้างที่เราจะช่วยเหลืองานของหัวหน้า ผมคิดว่าหัวหน้าทุกคนชอบที่จะให้ลูกน้องเสนอตัวขึ้นมาช่วยงาน ได้พูดคุยกัน ผมคิดว่าบรรยากาศการทำงานน่าที่จะดีขึ้นครับ ในการนี้ผมขออัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาศึกษาครับ
คนที่เป็นผู้ใหญ่นั้น เขามีประสบการณ์
ส่วนคนหนุ่มสาวเขามีพลังแรง ทั้งร่างกายและความคิด
ถ้าหากมาปรองดองสมัครสมานกัน ทำงานอย่างพร้อมเพรียง
ไม่ผิดใจไม่แคลงใจกัน การบ้านการเมืองจะดำเนินไปได้ด้วยดี
ยามเช้าแสนสดใส
ยามเช้าคือ วันอันแสนสดใสที่ความรู้สึกดีได้เริ่มต้นใหม่
ยามเช้าคือ วันใหม่ที่เราได้เริ่มต้นของชีวิตที่จะก้าวไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
ยามเช้าคือ วันที่เราได้ทบทวนเมื่อวานว่าเรายังไม่ได้ทำสิ่งใด
ยามเช้าคือ วันที่เราตื่นขึ้นมาได้พบกับคนที่เรารักและห่วงใย
ยามเช้าคือ วันที่เราบอกตัวเองว่าวันนี้ฉันจะสู้ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน
ยามเช้าคือ วันที่เราได้ยืนตรงเคารพชาติ ศาสนา พระมหากษัติย์ อีก
ยามเช้าคือ วันที่มอบความปราถนาดี ความรักให้แก่เพื่อนมนุษย์
ยามเช้าคือ วันที่ได้เป็นคนดีของครอบครัว สังคม ประเทศชาติ
ยามเช้าคือ................................................................................
วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555
ความฝัน
สำหรับปู่ซ่าบ้าพลังผมคิดว่าหลายๆท่านคงได้ดูกันมาบ้างแล้วครับ หนังเรื่องนี้อาจบอกกับเราว่า
ไม่ว่าเราจะอยู่ในวัยใดความฝันย่อมเป็นไปได้เสมอ ขอให้มีเพียงความมุ่งมั่นและซื่อสัตย์ต่อความฝันของเรา
หลายคนอาจจะเคยละทิ้งความฝันของตนเองในวัยเยาว์ ฝันว่าอย่างเป็นนั่น ฝันว่าอยากเป็นนี่ ผมก็เคยมีความฝันเช่นกัน ฝันไว้ว่าอยากเป็นทหาร อยากเข้าเรียนต่อในโรงเรียนนายร้อย จปร. แต่ฝันนั้นก็ดับเพราะสายตาสั้นตอนอยู่ ป.6 แต่คนเราก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมครับ ซึ่งอยากน้อยตอนนี้ผมก็ได้เป็นทหารครับ คือทหารที่คอยต่อสู้กับเชื้อโรคคือนักเทคนิคการแพทย์
ดังนั้นแล้วแม้ความฝันของเรายังไม่สมความปราถนาในตอนนี้ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถเป็นไปได้ในอนาคตอยู่ที่ตัวเราเท่านั้นครับว่าเรายังคงหล่อเลี้ยงความฝันนั้นไว้หรือปล่อยให้มันลอยหายออกไปตามกาลเวลา เราเท่านั้นครับที่เป็นคนตัดสินใจ
ความฝันแม้ฝันแล้วยังเป็นไปไม่ได้
ก็ไม่ใช่ว่าความฝันนั้นจะดับ
จงหล่อเลี้ยงมันไว้เพื่อรอ
รอโอกาสที่ซักวันหนึ่ง
ฝันของเราวันนี้จะเป็นความจริง
เพราะความฝันนั้นช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตเราให้ถึงฝัน
แพ้ชนะ ไม่ใช่สิ่งสำคัญ
คนเราทุกคนอยากเกิดมาแล้วชนะด้วยกันทั้งนั้น
เพราะชนะแล้วย่อมที่จะได้ในสิ่งที่เรามุ่งหวังตั้งใจไว้
แต่โลกแห่งชีวิตจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
เพราะคนเราไม่สามารถชนะได้ตลอดเวลา
ย่อมที่จะมีแพ้ มีชนะสลับกันไป ไม่มีใครแพ้หรือชนะตลอดกาล
ดังนั้นเมื่อชนะแล้วก็อย่าได้ทะนงตนเอง ว่าสิ่งที่ตนได้รับจะยั่งยืน
เพราะทุกสิ่งในโลกย่อมที่จะเปลี่ยนแปลงเสมอ
ดังนั้นเราอย่าประมาทกับสิ่งที่เราได้รับมา
ส่วนการพ่ายแพ้ก็มิใช่สิ่งเลวร้ายตามความคิดของหลายๆคน
แต่การพ่ายแพ้คือโอกาสที่เราจะได้หันกลับมาปรับปรุงตนเอง
เพื่อให้สามารถก้าวไปในจุดที่สูงกว่า เพราะความพ่ายแพ้คือหินรองก้าว
ที่ทำให้เราก้าวต่อไปข้างหน้า เหมือนกับผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนบนโลกนี้
วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2555
โลกใบนี้ไม่มีความสมบูรณ์แบบ
ความสมบูรณ์แบบไม่มีในโลกนี้ ถ้าจะหาก็คงหาไม่เจอ
โลกของเราทุกวันนี้พัฒนาขึ้นมา ก็มาจากความไม่สมบูรณ์แบบ
คนที่ไม่สมบูรณ์แบบพร้อมที่จะพัฒนา และทำความฝันให้เป็นจริง
หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ก็มาจากความไม่สมบูรณ์
ต่างจากคนสมบูรณ์แบบที่รอให้ทุกอย่างพร้อม
จึงจะลงมือทำ แต่นั่นก็สายไปเสียแล้ว เพราะ เวลา โอกาสได้ผ่านไปแล้ว
ถ้าจะเหลือก็เหลือแต่ตัวเราที่ ปล่อยให้ทุกสิ่งหลุดมือไป...............
บทความที่ใหม่กว่า
บทความที่เก่ากว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)